เตือนภัย! เชื้อโรคสะสมบนเตียงนอน น่ากลัวกว่าที่คิด

  • สิวขึ้นบนหน้าและหลัง: แบคทีเรียที่ซ่อนอยู่ในผ้าปูที่นอนที่สกปรก เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวได้
  • ภูมิแพ้: สารก่อภูมิแพ้ทั่วไปหลายชนิดมักอยู่บนผ้าปูเตียงที่สกปรก โดยเฉพาะไรฝุ่นและสะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง ซึ่งอาจทำให้หายใจลำบากตลอดวัน นำไปสู่ปัญหาในการนอนหลับเนื่องจากหายใจลำบากและไอ บางรายอาจมีอาการของโรคหอบหืดและโรคจมูกอักเสบร่วมด้วย
  • เกิดอาการเจ็บป่วย: ผ้าปูที่นอนที่ไม่ได้ซักเป็นประจำ จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะป่วยได้ เนื่องจากการติดเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียท่ีเรียกว่า Staphylococcus aureus ซึ่งถ้าเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ เช่น การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ โรคปอดบวม และแบคทีเรียในกระแสเลือด

ทำไมเราควรทำความสะอาดที่นอน?

ทำไมเราควรทำความสะอาดที่นอน

เราใช้เวลา 1 ใน 3 ของชีวิตเราไปกับการนอน ความสะอาดของที่นอนส่งผลโดยตรงต่อการนอนหลับเป็นอย่างมาก ล้มตัวลงบนเตียงนอนคงเป็นเรื่องง่ายนะคะ แต่การใส่ใจถึงความสะอาดของที่นอนก็สำคัญเช่นกัน นอกจากแค่ความสบายและการรองรับ เตียงนอนที่สะอาดยังส่งผลต่อสุขภาพของเรา และออกซิเจนที่ร่างกายเรารับเข้าไปขณะพักผ่อนอีกด้วยค่ะ ดังนั้น เรามาดูวิธีทำความสะอาดเตียงนอนกันค่ะ

ทำความสะอาดเตียงนอนง่ายๆ ด้วย 5 วิธี ที่ใครก็ทำได้

วิธีทำความสะอาดเตียงนอน ที่ Chivit-D by SCG รวบรวมมาให้คุณ มีทั้งหมด 5 ขั้นตอน โดยครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่ดูดฝุ่นที่นอน ดับกลิ่น และขจัดคราบ เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้วิธีทำความสะอาดที่นอนและทำให้ที่นอนดูใหม่เอี่ยมค่ะ

เริ่มจากอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ครบครัน

อุปกรณ์ที่ต้องใช้ทำความสะอาดเตียงนอน

ก่อนเริ่มกำจัดสิ่งสกปรกบนที่นอน ควรเริ่มจากการรวบรวมอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการทำความสะอาด ดังนี้

  • เครื่องดูดฝุ่น
  • น้ำยาซักผ้าอ่อนๆ หรือน้ำยาล้างจาน
  • ผงฟู
  • ผ้าหรือฟองน้ำ
  • น้ำเย็นและน้ำอุ่น

วิธีที่ดีที่สุดในการซักที่นอนและปลอกหมอน

วิธีที่ดีที่สุดในการซักที่นอนและปลอกหมอน

แนะนำให้ซักผ้าปูที่นอนและเครื่องนอนอื่นๆ ด้วยน้ำร้อน เนื่องจากจะช่วยกำจัดไรฝุ่นได้ ยิ่งน้ำร้อนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งกำจัดแบคทีเรียและสารก่อภูมิแพ้ออกไปได้มากเท่านั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมอ่านคำแนะนำบนฉลากของเครื่องนอนด้วยนะคะว่าอุณหภูมิเท่าไหร่ที่แนะนำสำหรับการซักผ้าปูที่นอน โดยทั่วไป อุณหภูมิมากกว่า 60 องศาเซลเซียสขึ้นไป จึงจะสามารถฆ่าไรฝุ่นได้ค่ะ

แล้วเราควรซักเครื่องนอนบ่อยแค่ไหน?

สำหรับเครื่องนอนอื่นๆ เช่น ผ้าห่มและผ้านวม ควรซักทุกสัปดาห์ หรือสองสัปดาห์ นอกจากนี้ ควรเปลี่ยนหมอนทุกปี หรือสองปี โดยการใช้ที่รองหมอนสามารถช่วยลดฝุ่นและแบคทีเรียได้ ส่วนผ้านวม สามารถอยู่ได้นานถึง 15 ถึง 20 ปี หากมีการซักแห้งเป็นประจำและใช้ผ้าคลุมกันสิ่งสกปรกค่ะ

ดูดฝุ่นเป็นประจำ

ทำความสะอาดห้องนอนด้วยการดูดฝุ่นเป็นประจำ

ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีคุณภาพในการกำจัดสิ่งสกปรกบนฟูกนอน โดยแนะนำให้ค่อยๆ ดูดฝุ่นเป็นวงกลมเล็กๆ ทั่วทั้งเตียงนอน เพื่อให้แน่ใจว่าได้ขจัดฝุ่น สิ่งสกปรก เส้นผม ออกทั้งหมดแล้ว นอกจากเครื่องดูดฝุ่นแล้ว ยังสามารถใช้ สเปรย์กำจัดและป้องกันไรฝุ่น เพื่อทำความสะอาดที่นอน และชุดเครื่องนอนให้ปราศจากไรฝุ่น เพื่อสุขภาพของการนอนที่ดีค่ะ

ขจัดคราบฝังลึกบนที่นอน

ขจัดคราบฝังลึกบนที่นอน

ที่นอนที่มีรอยเปื้อนมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นเหงื่อ เลือด หรือของเหลวที่หก คราบสกปรกต่างๆ บนที่นอน ถ้าไม่ได้ทำความสะอาดในทันที มีโอกาสที่จะฝังลึกลงไปในที่นอน ทำให้ทำความสะอาดยาก วิธีขจัดคราบฝังลึกสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การผสม น้ำยาล้างจาน เบกกิ้งโซดา ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 2-3 หยด และน้ำ ในขวดสเปรย์ ฉีดลงบนรอยเปื้อนแล้วเช็ดออกด้วยผ้าสะอาด อีกทางเลือกหนึ่งคือ การใช้ผ้ารองกันเปื้อนที่นอน ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในการรักษาฟูกนอนให้สะอาด เพราะจะช่วยปกปิดที่นอนอีกชั้นหนึ่ง เป็นตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยป้องกันที่นอนจากรอยเปื้อนหรือเชื้อโรคต่างๆ  ถ้าถามถึงความจำเป็น ในบุคคลทั่วไปอาจจะยังไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องใช้มาก แต่สำหรับคนบางกลุ่ม เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ผู้หญิงที่มีประจำเดือน เด็ก ผู้สูงอายุ ผ้ารองกันเปื้อนก็นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่งค่ะ

กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์บนฟูกนอน

วิธีกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์บนที่นอน ฟูกนอน

ฟูกนอนที่ไม่ได้นำไปผึ่งแดด อาจทำให้มีกลิ่นเหม็นอับ หลังจากที่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว จึงควรนำฟูกไปตากแดด เพราะรังสี UV จะช่วยฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย ไรฝุ่น รวมไปถึงกำจัดกลิ่นอับได้

สำหรับคนที่มีฟูกนอนขนาดใหญ่จนไม่สามารถนำไปตากแดดนอกบ้านได้ อย่างน้อยควรเปิดหน้าต่างในห้องเพื่อให้มีแสงแดดส่องเข้ามา และอีกวิธีหนึ่งที่ดีก็คือ การใช้ ‘เบกกิ้งโซดา’ โรยลงบนที่นอนเล็กน้อย แล้วทิ้งไว้หลายชั่วโมง เบกกิ้งโซดาจะสลายกรดและดูดความชื้นหรือกลิ่นเหม็นอับได้

นอกจากนี้ การใช้น้ำมันหอมระเหย ก็จะช่วยให้ที่นอนของคุณมีกลิ่นหอมสดชื่นนานขึ้น ทำให้ผ่อนคลายและเพิ่มสมดุลการนอนหลับค่ะ

เตียงนอนปราศจากเชื้อโรค ต้องทำอย่างไร?

วิธีทำให้เตียงนอนปราศจากเชื้อโรค

ในชีวิตประจำวันของเรา เราสามารถรักษาผ้าปูที่นอนให้สะอาดอยู่เสมอได้ โดยปฏิบัติดังนี้

  • อาบน้ำก่อนนอน
  • หลีกเลี่ยงการงีบหลับ หลังจากออกกำลังกาย
  • ล้างเมคอัพก่อนนอน
  • ไม่นำอาหารหรือเครื่องดื่มมาทานบนเตียง
  • ไม่นำสัตว์เลี้ยงมานอนด้วยบนเตียง
  • ขจัดสิ่งสกปรกออกจากเท้าหรือถุงเท้าก่อนขึ้นเตียง

หากใครไม่มีเวลาทำความสะอาดเอง ก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ เพียงใช้ บริการทำความสะอาดแบบ “กำจัดเชื้อโรคและตัวไรฝุ่น” จาก NCS 

ตามหลักการแล้ว เราควรทำความสะอาดที่นอนอย่างล้ำลึกทุกๆ 6 เดือน เพื่อรักษาสุขภาพและสุขอนามัยที่ดี การทำความสะอาดอย่างหมดจดจะทำให้เรามั่นใจได้ว่าเตียงนอนที่เรานอนทุกวันปราศจากสิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่แทรกซึมเข้าไปในที่นอน แถมยังช่วยให้สภาพแวดล้อมในการนอนหลับของคุณสะอาด นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ทำให้ที่นอนของคุณและคนที่คุณรักกลับมาสะอาดปลอดจากเชื้อโรคและสารก่อภูมิแพ้ค่ะ

สรุป

การนอนเป็นกิจกรรมที่จำเป็นของการดำรงชีวิต สุขภาพที่ดีย่อมมาจากการนอนหลับพักผ่อนที่ดี การทำความสะอาดที่นอนเป็นประจำ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำจนเป็นนิสัย นอกจากนี้ยังต้องทำความสะอาดแบบล้ำลึกทุกๆ 6 เดือนด้วยนะคะ ห้องนอนที่เราพักผ่อนจะได้ไม่เป็นภัยร้ายที่คุกคามคุณ และคนที่คุณรักค่ะ

ด้วยความห่วงใยจาก Chivit-D by SCG
#ปกป้องอย่างมั่นใจเพื่อคุณและครอบครัว


อ้างอิง
healthination.com/health/health-risks-dirty-sheets
healthline.com/health/how-often-should-you-change-your-sheets#takeaway
mattressonline.co.uk/advice/how-to-deep-clean-mattress
architecturaldigest.com/story/how-to-clean-a-mattress
homerev.com/blogs/home-revolution/how-and-why-you-should-clean-your-mattress