คลื่นสมองคืออะไร

คลื่นสมองคืออะไร

คลื่นสมอง ภาษาอังกฤษเรียกว่า Brainwave คือ คลื่นที่เกิดจากการแกว่งขึ้นลงของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเคมีในสมอง สามารถตรวจพบได้โดยใช้เทคโนโลยี EEG (Electroencephalography) ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมต่างๆ ของเรา โดยเราจะไปทำความรู้จักว่าคลื่นสมองคืออะไร มีกี่ประเภท และมีประโยชน์ต่อเราอย่างไรกันค่ะ

ประเภท

ประเภทของคลื่นสมอง

เราสามารถแบ่งระดับของคลื่นสมองตามความสั่นสะเทือนหรือความถี่ ได้ออกเป็น 4 ประเภทดังนี้

  1. ระดับเบต้า (Beta): ความถี่ 14 – 30 Hz เกิดในช่วงที่เราใช้สมองขบคิด ทำงาน หรือแก้ไขปัญหาต่างๆ ระหว่างวัน
  2. ระดับอัลฟา (Alpha): ความถี่ 8 – 13 Hz เกิดในช่วงที่เรารู้สึกผ่อนคลาย สงบ และมีสมาธิ
  3. ระดับธีต้า (Theta): ความถี่ 4 – 7 Hz เกิดในช่วงที่เราเคลิ้มหลับ กึ่งหลับกึ่งตื่น และสมองมีการผ่อนคลายระดับลึก (Deep Relaxation)
  4. ระดับเดลต้า (Delta): ความถี่ 0.1 – 3 Hz เกิดขึ้นในช่วงที่เราหลับลึก หลับสนิท แต่กระบวนการของจิตใต้สำนึกยังจัดเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

กระบวนการทำงาน

สมองของเราไม่ได้ผลิตคลื่นเพียงประเภทเดียวในแต่ละครั้งแต่จะสร้างคลื่นเหล่านี้พร้อมๆ กัน โดยประเภทหนึ่งมักจะมีอิทธิพลมากกว่าเสมอ ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจและกิจกรรมที่ทำอยู่ในขณะนั้น ตัวอย่างเช่น ในขณะที่เราหลับลึก สมองจะผลิตคลื่นสมองระดับเดลต้าเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่เมื่อเราทำงานที่ต้องใช้สมาธิ สมองก็จะผลิตคลื่นสมองระดับเบต้ามากขึ้น

นอกจากสภาพจิตใจและกิจกรรมที่ทำจะส่งผลต่อระดับคลื่นสมองแล้ว สิ่งเร้าภายนอกก็ส่งผลเช่นกัน เรียกว่า การเหนี่ยวนำคลื่นสมอง (Brain Entraimment)

การเหนี่ยวนำคลื่นสมอง (Brain Entrainment)

การเหนี่ยวนำคลื่นสมอง

การเหนี่ยวนำคลื่นสมอง (Brainwave Entrainment) คือ การใช้คลื่นที่มีความถี่เฉพาะในการกระตุ้นสมอง เพื่อให้ถูกเหนี่ยวนำให้ผลิตตามคลื่นที่กระตุ้น โดยคลื่นที่ใช้อาจเป็นคลื่นแสงหรือคลื่นเสียง เช่น Binaural Beats, Isochronic Tones และ Monaural Beats ซึ่งประโยชน์ของการเหนี่ยวนำคลื่นสมอง คือ เพื่อให้คลื่นสมองอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำอยู่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การเรียน ทำงาน นอนหลับ เป็นต้น

Isochronic Tones

Isochromnic Tones ได้รับการออกแบบให้สามารถกระตุ้นและมีอิทธิพลต่อการทำงานของคลื่นสมอง โดยใช้รูปแบบการได้ยินที่เป็นจังหวะและซ้ำๆ  ข้อดีของ Isochronic Tones คือ สามารถฟังผ่านลำโพงปกติได้ ไม่จำเป็นต้องฟังผ่านหูฟัง รวมถึงเป็นคลื่นเสียงประเภทที่ให้ลัพธ์ดีที่สุดเปรียบกับคลื่นเสียงที่ใช้เหนี่ยวนำประเภทอื่นๆ

Binaural Beats

Binaural Beats เกิดขึ้นเมื่อมีการเล่นความถี่ที่แตกต่างกันเล็กน้อยในหูแต่ละข้าง ซึ่งนำไปสู่การรับรู้ถึงโทนเสียงที่สาม ซึ่งก็คือ Binaural Beats โดยทั่วไป Binaural Beats ถูกใช้เพื่อการผ่อนคลาย ลดความเครียด เพิ่มสมาธิ และช่วยให้นอนหลับ โดยจำเป็นจะต้องฟังผ่านหูฟังเท่านั้น เพื่อให้สามารถมั่นใจว่าหูของเราแต่ละข้างได้รับความถี่ตามที่กำหนดไว้

Monaural Beats

Monaural Beats เป็นคลื่นประเภทหนึ่งที่ใช้ในการเหนี่ยวนำสมอง มีความคล้ายกับแบบ Binaural Beats แต่ Monaural Beats เกิดจากการประสานกันของคลื่น 2 ความถี่ที่แตกต่างกันภายนอก ในขณะที่ Binaural Beats จะเกิดการประสานกันภายในหูของเรา นอกจากนี้ Monaural Beats ยังสามารถฟังผ่านลำโพงปกติได้

ประโยชน์ของการเหนี่ยวนำคลื่นสมอง

ประโยชน์ของการเหนี่ยวนำคลื่นสมอง

  1. การผ่อนคลายและลดความเครียด: คลื่นสมองระดับอัลฟ่าและธีต้าช่วยให้เกิดการผ่อนคลายและลดความเครียด
  2. การเพิ่มประสิทธิภาพของสมาธิ: การเหนี่ยวนำคลื่นสมองจะช่วยให้สามารถเข้าสู่สภาวะการทำสมาธิที่ลึกได้ง่ายขึ้น โดยการนำทางสมองไปสู่ความถี่ที่ช้าลงที่คลื่นสมองระดับธีต้าและเดลต้า
  3. การโฟกัสและสมาธิ: การเหนี่ยวนำคลื่นสมองให้อยู่ในระดับเบต้า จะช่วยให้มีสมาธิและประสิทธิภาพการรับรู้ดีขึ้น
  4. การปรับปรุงการนอนหลับ: การเหนี่ยวนำคลื่นสมองให้อยู่ในระดับเดลต้า จะช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับให้ดีขึ้น และช่วยเรื่องอาการนอนไม่หลับได้

สรุป

คลื่นสมองทั้ง 4 ระดับ สามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติของร่างกาย แต่เราสามารถเหนี่ยวนำได้ เช่น การใช้เครื่องผลิตคลื่นเสียง Isochronic Tones, Monaural Beats และ Binaural Beats เป็นต้น เพื่อให้คลื่นสมองอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำอยู่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำกิจกรรมต่างๆ